บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยเหตุนี้ ประกาศฉบับนี้แสดงถึงความตั้งใจของบริษัทในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะใช้เอกสารฉบับนี้ในการอธิบายถึงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล” หมายถึง เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอํานาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“บริษัท” หมายถึง หมายถึง บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ
“สินค้า” หมายถึง คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และ/หรือบ้านเดี่ยว ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของและ/หรืออยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่อาจมีขึ้นในอนาคต
“บริการ” หมายถึง การให้บริการผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การเข้าเยี่ยมชมโครงการ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่าง ๆ และ/หรือกิจกรรมอื่นใด ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการและ/หรือการบริหารจัดการของบริษัท ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่อาจมีขึ้นในอนาคต
2. หลักการของบริษัทในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทมีหลักการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
- มีกฎหมายรองรับ (Lawfulness): บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล หรือเมื่อบริษัทจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
- มีความเป็นธรรม (Fairness): บริษัทสามารถอธิบายถึงเหตุผลในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
- ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ที่กำหนดและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้น้อยที่สุด (Purpose limitation and data minimisation): บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น และบริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้น้อยที่สุดในการดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
- ความโปร่งใส (Transparency): บริษัทแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถึงวัตถุประสงค์ที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Rights of data subjects): บริษัทมีกระบวนการให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิ เช่น สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการแก้ไขและลบข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการคัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- เก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด (Storage limitation): บริษัทมีการกำหนดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
- การรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล (Integrity and confidentiality): บริษัทจัดให้มีความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ต้องจัดให้มีบุคคลภายนอกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะตรวจสอบว่าบุคคลภายนอกนั้นมีศักยภาพในการดำเนินการดังกล่าว ถ้าหากข้อมูลส่วนบุคคลมีการโอนไปนอกประเทศไทย บริษัทจะตรวจสอบว่าการโอนไปนอกประเทศไทยนั้นสามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมาย ถ้าหากเกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (การสูญหาย การจารกรรมข้อมูล หรือข้อมูลเสียหาย) ถ้าหากการละเมิดนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล บริษัทจะแจ้งเหตุการละเมิดนั้นแก่หน่วยงานกำกับดูแลและแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
ถ้าหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักการข้างต้น สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดที่ปรากฏในหัวข้อ “สิทธิของท่าน”
3. ข้อมูลส่วนบุคคล และประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
ในการดำเนินงาน บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านดังต่อไปนี้
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล
รายละเอียด
1. ข้อมูลระบุตัวตน
ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์
2. ข้อมูลการติดต่อ
โครงการที่อยู่อาศัยที่ท่านสนใจ, ช่วงงบประมาณในการซื้อโครงการ, เหตุผลในการซื้อที่อยู่อาศัย
3. ข้อมูลด้านเทคนิค
หมายเลข IP Address ของคอมพิวเตอร์, ชนิดของบราวเซอร์, การตั้งค่าเรื่องเขตเวลา (time zone), ที่ตั้ง (location), ระบบปฏิบัติการ, แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์
4. ข้อมูลการใช้งาน
หน้าเว็บไซต์ที่ท่านเข้าถึงก่อนที่ท่านจะเข้าสู่แพลตฟอร์ม, หน้าเว็บไซต์ที่ที่ท่านเข้าชม, จำนวนเวลาที่ท่านใช้ในการชมหน้าเว็บไซต์, สินค้าหรือข้อมูลที่ท่านค้นหาในแพลตฟอร์ม, เวลาและวันที่ข้าชมเว็บไซต์, ข้อมูลการกดดูเว็บไซต์
5. ข้อมูลการสื่อสาร
อีเมล, บันทึกข้อมูลสนทนา และข้อมูลในการสื่อสาร
6. ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา
เลขประจำตัวประชาชน, ที่อยู่, หมายเลขบัตรเครดิต, วันเดือนปีเกิด, เพศ
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้เยาว์เฉพาะ ชื่อ สัญชาติ และวันเดือนปีเกิด ที่ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายให้ข้อมูลดังกล่าวกับบริษัท และผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายจะต้องให้ความยินยอมก่อนทุกครั้งหากผู้เยาว์จะส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่นอกเหนือจากชื่อ สัญชาติ และวันเดือนปีเกิด มาให้บริษัท ถ้าหากเกิดการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ที่มากกว่าชื่อ สัญชาติ และวันเดือนปีเกิด โดยที่ไม่ได้รับความยินยอม ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อทำการลบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (โปรดดูหัวข้อ “สิทธิของท่าน”)
4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกิดขึ้นได้ระหว่างการดำเนินกิจกรรมดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้โดยตรงจากท่าน ได้แก่
- ท่านลงทะเบียนโดยการสร้างบัญชีผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
- ท่านติดต่อกับบริษัทเพื่อขอรับข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยที่ท่านสนใจ
- ท่านนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการที่อยู่อาศัย
- ท่านให้ข้อมูลกับบริษัทเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัย
- ท่านเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทาง Social Network หรือช่องทางปกติ
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก (Third Party) ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกนำไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้กำหนดหรือสั่งไว้ และบริษัทได้กำหนดให้บุคคลภายนอกต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย
5. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลและฐานทางกฎหมายของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ตารางข้างล่างอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
วัตถุประสงค์
ประเภทข้อมูล
ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
1) ให้บริการกับท่าน รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่ท่านสนใจ
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลการสื่อสาร
1) เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาให้บริการ (ม.24(3))
2) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่ท่านสนใจ (ม.24(5))
2) เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับท่านในฐานะลูกค้า (Customer Relations) โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลการสื่อสาร
1) เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (ม.24(3))
2) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการแนะนำโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน และเก็บข้อมูลรวมถึงศึกษารูปแบบการใช้บริการของลูกค้าเพื่อพัฒนาบริการของบริษัท (ม.24(5))
3) เพื่อบริหารจัดการเว็บไซต์ของบริษัท พัฒนาบริการของบริษัท และเพื่อแก้ปัญหาในเชิงเทคนิคที่เกิดขึ้นในการใช้เว็บไซต์
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลด้านเทคนิค
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการนำข้อมูลและสถิติการใช้งานเว็บไซต์ของท่านมาวางแผนธุรกิจเพื่อพัฒนาการให้บริการของบริษัทเพื่อให้บริการลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (ม.24(5))
4) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาเว็บไซต์ และพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในการรับบริการจากบริษัท
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลด้านเทคนิค
- ข้อมูลการใช้งาน
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการกำหนดเป้าหมายลูกค้า ลักษณะการใช้งานของลูกค้า และการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทก์การใช้งานของลูกค้า (ม.24(5))
5) เพื่อทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา
เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (ม.24(3))
6) ติดต่อและส่งข้อมูลกับธนาคารเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการด้านการสมัครขอสินเชื่อ
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา
เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการสมัครขอสินเชื่อ (ม.24(3))
7) เพื่อทำการตลาดแบบตรงกับท่านในการเสนอโครงการหรือบริการอื่นที่ท่านอาจสนใจ (เฉพาะกรณีที่ท่านให้ความยินยอม)
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในการให้บริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลท่านไปทำการตลาดแบบตรงสำหรับการเสนอโครงการที่อยู่อาศัยหรือบริการที่ท่านอาจสนใจ (ม.24)
8) เพื่อบริการจัดการด้านนิติบุคคลในโครงการที่อยู่อาศัยให้กับท่านหลังจากที่ท่านได้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยกับบริษัท
- ข้อมูลระบุตัวตน
- ข้อมูลการติดต่อ
- ข้อมูลการสื่อสาร
เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาให้บริการด้านนิติบุคคลที่ท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท (ม.24(3))
บริษัทจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไปข้างต้น ยกเว้นในกรณีมีความจำเป็นที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เป็นต้น
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคล/หน่วยงานภายนอก
6.1 บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
- ผู้ให้บริการ: ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์บริการ Call center ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิต ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ส่งสินค้า และผู้ให้บริการการพิมพ์ เป็นต้น
- พันธมิตรทางธุรกิจ: บริษัทอาจยกระดับการให้บริการกับท่านโดยการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำการตรวจสอบ วิเคราะห์ และเชื่อมต่อข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวิเคราะห์ถึงความต้องการของท่านเพื่อให้บริษัทส่งข้อเสนอและโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน ในการดำเนินการเช่นนี้ ท่านสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประมวลผลข้อมูลได้ว่าท่านไม่ต้องการให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์นี้
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: บริษัทอาจมีหน้าที่ต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการให้การส่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
6.2 บริษัทกำหนดให้บุคคลภายนอกที่บริษัทเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยกำหนด และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้กำหนดหรือมีคำสั่งให้บุคคลภายนอกนั้นดำเนินการ บุคคลภายนอกจะไม่สามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้
6.3 เมื่อถูกร้องขอ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันการข่มขู่ต่อชีวิตหรือร่างกาย เพื่อวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้กฎหมาย การตั้งข้อหา การใช้สิทธิ์ปกป้องสิทธิทางกฎหมาย การป้องกันกรณีฉ้อโกง เป็นต้น
7. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีโอนข้อมูลข้ามพรมแดน
บริษัทอาจจำเป็นต้องโอนข้อมูลไปยังบุคคล/หน่วยงานในต่างประเทศที่อาจมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่ไม่เท่ากับประเทศไทย ดังนั้น เพื่อการดำเนินการให้เกิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลข้ามพรมแดนไปยังบุคคล/หน่วยงานอื่นที่อยู่ต่างประเทศ
การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศที่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่ไม่เท่ากับประเทศไทยนั้น บริษัทจะดำเนินการให้มีมาตรการที่เพียงพอ เช่น การจัดทำมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ และการจัดทำข้อกำหนดสัญญามาตรฐานภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
8. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการให้มีมาตรการเชิงเทคนิคและมาตรการเชิงองค์กรที่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562) เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและป้องกันการทำลายโดยจงใจหรือประมาท การเปลี่ยนแปลง ข้อมูลหาย การใช้ข้อมูลในทางที่ผิด การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การแก้ไขหรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันปัญหาที่ได้กล่าวไป บริษัทได้มีมาตรการเชิงเทคนิค (เช่น Firewall) และมาตรการเชิงองค์กร (เช่น การทำระบบเข้ารหัส หรือวิธีป้องกันทางกายภาพอื่น) เพื่อรักษาความลับของข้อมูลและรักษาให้ระบบมีความมั่นคงปลอดภัยในการให้บริการ สำหรับกรณีการส่งข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อการชำระเงิน บริษัทใช้โปรโตคอลความปลอดภัย (Secure Sockets Layer: SSL) และเทคโนโลยีการเข้ารหัส เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
9. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการของบริษัท และเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดโดยมาตรฐานทางบัญชี มาตรฐานทางกฎหมาย และกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ในการกำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล บริษัทจะพิจารณาถึงจำนวน ลักษณะการใช้งาน วัตถุประสงค์ในการให้บริการ ความอ่อนไหวของข้อมูลส่วนบุคคล และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ และระยะเวลาที่กำหนดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้มาจากคุกกี้ (Cookies) ในการเก็บข้อมูลเมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์บริษัท จะเก็บไว้ตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
10. คุกกี้ (Cookies)
บริษัทใช้คุกกี้และเทคโนโลยีการติดตามตัวแบบอื่นบนเว็บไซต์ของบริษัท ท่านสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ของบริษัทและการตั้งค่าคุกกี้ของท่านที่หน้าต่างที่ปรากฏขึ้นมา (Pop-Up) เมื่อท่านเข้าใช้งานเว็บไซต์ ซึ่งจะบอกวิธีการในการตั้งค่าคุกกี้ของท่าน บริษัทมีการใช้งานคุกกี้ในกรณีดังต่อไปนี้
- คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ (Functionality Cookies): บริษัทใช้ Cookies ประเภทนี้เพื่อช่วยให้บริษัทจดจำอุปกรณ์หรือบราวเซอร์ของท่านเพื่อให้บริษัทสามารถจัดทำเนื้อหาให้เหมาะสมกับความสนใจส่วนบุคคลของท่านได้รวดเร็วขึ้น และช่วยให้การบริการและแพลตฟอร์มสะดวกสบายและเป็นประโยชน์ต่อท่านมากขึ้น ในการปิดใช้งาน Cookies นี้ ท่านสามารถตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณโดยดูวิธีการช่วยเหลือของเบราเซอร์หรืออุปกรณ์ของท่าน
- คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ (Analytic cookies): บริษัทใช้ Analytics Cookies ที่ให้บริการโดยบุคคลภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทมีการใช้งานอย่างไร บริษัททำข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นข้อมูลนิรนามทั้งหมด (Anonymization) และส่งผ่านไปที่บุคคลภายนอกผู้ที่จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้หรือเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้กับบุคคลอื่นที่ประมวลผลข้อมูลให้ตามที่กฎหมายอนุญาต บุคคลภายนอกจะไม่รวมข้อมูลของท่านที่ได้ไปจากเว็บไซต์บริษัทกับข้อมูลที่บุคคลภายนอกมีอยู่แล้ว ท่านสามารถเลือกปิดการใช้งาน Cookies ลักษณะนี้บนหน้าเว็บไซต์บริษัท
11. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อนุญาตให้กระทำได้ ดังนี้
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent): ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลสวนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access): ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทให้แก่ท่านได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification): ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure): ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัททำการลบข้อมูลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing): ท่านมีสิทธิในการให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability): ท่านมีสิทธิในการโอนย้าย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object): ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ในกรณีที่ท่านต้องการดำเนินการตามสิทธิของท่านที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงได้ที่อีเมล: dpo@proudrealestate.co.th
เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความลับและข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจำเป็นต้องตรวจสอบตัวตนของท่านเพื่อตอบสนองต่อคำขอของท่าน ในกรณีที่บริษัทพบข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของท่าน บริษัทอาจขอให้ท่านแนบสำเนาเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง มาพร้อมกับคำขอ บริษัทจะดำเนินการตามคำขอของท่านพร้อมแจ้งให้ท่านทราบถึงผลของการดำเนินการให้เร็วที่สุด
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนไปที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
12. การปรับปรุงนโยบาย
บริษัทอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เพื่อให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ บริษัทแนะนำให้ท่านเข้ามาศึกษาเอกสารฉบับนี้เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านต้องการรับบริการกับบริษัท
13. การติดต่อบริษัท/เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ถ้าท่านมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่:
บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)
อีเมล: dpo@proudrealestate.co.th
โทร: 020350999
สถานที่ติดต่อ: บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เลขที่ 548 อาคาร วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ (ONE CITY CENTRE) ชั้น 19 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับผู้สมัครงาน
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับผู้สมัครงาน
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับพนักงาน
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับพนักงาน
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับผู้ถือหุ้น
และกรรมการ
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับผู้ถือหุ้นและกรรมการ
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับคู่ค้า
และพันธมิตรทางธุรกิจ
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับการติดตั้ง
กล้องวงจรปิด (CCTV)
ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
(Privacy Notice)
สำหรับการติดตั้ง
กล้องวงจรปิด (CCTV)
แบบฟอร์มการเรียกร้องสิทธิ
ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(Data subject rights forms)
นโยบายการใช้คุกกี้